เริมที่ปากมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสๆเล็กๆที่มักขึ้นบริเวณริมฝีปาก ใครเป็นก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทุกครั้ง บางคนถึงขนาดมีไข้ร่วมด้วย และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ เชื้อจะแฝงอยู่ในร่างกายเราและจะกลับมาเป็นซ้ำเวลาร่างกายเราอ่อนแอจึงเป็นโรคที่เป็นๆหายๆเริมคือ ?เริมคือโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex virus (HSV) โรคนี้จะพบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบมากที่สุดในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เชื้อไวรัสนี้ จะแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- Herpes Simplex virus type 1 มักพบการติดเชื้อบริเวณปากหรือรอบๆ
- Herpes Simplex virus type 2 เป็นการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะสืบพันธ์
เมื่อติดเชื้อไวรัสนี้แล้วเชื้อจะฝังอยู่ในร่างกายตลอด ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มักจะหายเองได้ใน 1 – 2 สัปดาห์ และไม่ทพให้เกิดแผลเป็น
อาการของเริมที่ปาก ?ผู้ที่เป็น เริมที่ปาก มักจะมีอาการอ่อนเพลีย อาจมีอาการคล้ายมีไข้นำมาก่อน 1 – 3 วัน เช่น ไข้สูง หรือ ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นจะเกิดตุ่มมีน้ำใสๆ ตุ่มมักเกิดเป็นกลุ่มๆ ลักษณะตุ่มคล้าย อีสุกอีใส และ งูสวัด แต่เกิดในตำแหน่งและการแพร่กระจายของตุ่มที่แตกต่างกัน
เริมที่ปากติดต่อกันอย่างไร ?- เริมที่ปากสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรงทางน้ำลาย เช่น การจูบ
- การใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ เช่น แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม
- การมีเพศสัมพันธ์
ปัจจัยที่ทำให้เริมกลับมาเป็นอีก ?- ร่างกายอ่อนแอ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- เครียด
- แสงแดด
การดูแลรักษาเริมที่ปากพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาสุขอนามัย แยกของใช้ เครื่องใช้ส่วนตัว รวมทั้งแก้วน้ำและช้อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 6 – 8 แก้วต่อวันและรักษาความสะอาดบริเวณตุ่มพอง
คำถามที่พบบ่อย?ติดเชื้อเริมที่ปาก ไม่เป็นซ้ำมาเป็นปี มีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นอยู่ไหม?- เชื้อเริมจะแพร่สู่ผู้อื่นได้ ในขณะที่คนไข้มีอาการ หากไม่มีอาการ ตัวเชื้อจะแฝงอยู่ในตัวคนไข้ แต่ไม่สามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้
เริมรักษาหายหรือไม่ ?- ทั่วไปแล้วเริมจะสามารถหายได้หลังจาก 1 – 2 สัปดาห์ แม้ว่าแผลจะหายไป แต่เชื้อของเริมก็ยังคงอยู่ในร่างกาย ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ป้องกันเริมได้อย่างไร ?- หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อทุกชนิด โดยการไม่ใช้ของร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ ไม่สัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง เช่นการจูบ การมีเพศสัมพันธ์ หรือการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน
“แม้ว่าเริมที่ปากจะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงและเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก แต่เราก็สามารถป้องกันและลดโอกาสการเกิดโรคได้ เพราะส่วนหนึ่งเริมเกิดจากพฤติกรรม หากหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดได้ โอกาสเกิดโรคก็จะลดลง”อ่านข้อมูล เริมที่ปาก เพิ่มเติมได้ที่ >>
https://www.lovefoundation.or.th/post/herpes-labialis